ราตรีสุดท้ายแห่งเซียงหยาง: คำมั่นสัญญาชั่วนิรันดร์


กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายทศวรรษ จากเด็กหนุ่มซื่อบื้อจากทุ่งหญ้ามองโกล และดรุณีน้อยเจ้าปัญญาแห่งเกาะดอกท้อ บัดนี้ ก๊วยเจ๋ง และ อึ้งย้ง กลายเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ ผมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดอกเลา ริ้วรอยแห่งกาลเวลาและความเหนื่อยยากปรากฏชัดบนใบหน้า

ตลอดครึ่งค่อนชีวิต ทั้งสองไม่ได้ใช้ชีวิตสุขสบายท่องเที่ยวในยุทธภพอย่างที่ใจปรารถนา แต่กลับปักหลักยืนหยัดอยู่ที่ “เมืองเซียงหยาง” ด่านสุดท้ายที่กั้นขวางกองทัพมองโกลอันเกรียงไกรไม่ให้รุกรานแผ่นดินซ่ง

ค่ำคืนนั้น… ลมหนาวพัดกรรโชกแรงกว่าทุกครั้ง เสียงกลองศึกของทัพมองโกลดังกึกก้องประหนึ่งเสียงฟ้าคำราม กองทัพนับแสนมืดฟ้ามัวดินล้อมเมืองไว้ทุกทิศทาง กำแพงเมืองที่เคยแข็งแกร่ง บัดนี้เต็มไปด้วยรอยร้าวและคราบเลือดจากการต้านทานมานับสิบปี

บนยอดกำแพง ก๊วยเจ๋งในวัยชรายืนทอดสายตาไปยังกองทัพข้าศึก เบื้องหลังของเขาไม่ใช่แค่ชาวเมืองเซียงหยาง แต่คือแผ่นดินเกิดที่เขารักยิ่งชีพ อึ้งย้งเดินเข้ามาจับมือสามี มือของนางที่เคยนุ่มนวลบัดนี้หยาบกร้านจากการจับอาวุธและทำงานหนักเคียงคู่เขา

“ย้งยี้…” ก๊วยเจ๋งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและสั่นเครือเล็กน้อย “เจ้าเสียใจหรือไม่ ที่แต่งงานกับคนโง่เขลาอย่างข้า? หากเจ้าไม่ได้เลือกข้า ป่านนี้เจ้าคงนั่งดีดพิณ จิบชา ชมดอกท้อบานอย่างสุขสำราญที่เกาะดอกท้อ ไม่ต้องมาตากลมกินทราย รอความตายอยู่ที่นี่”

อึ้งย้งยิ้มบางๆ รอยยิ้มของนางยังคงงดงามและแฝงความเฉลียวฉลาดเหมือนวันวาน นางกระชับมือก๊วยเจ๋งแน่นขึ้น “พี่เจ๋ง… ท่านเคยถามคำถามนี้กับข้ามานับครั้งไม่ถ้วน คำตอบของข้ายังคงเหมือนเดิม”

นางมองเข้าไปในดวงตาที่ซื่อสัตย์ที่สุดในโลกหล้า “ท่านคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ คือท้องฟ้าของข้า ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน ที่นั่นคือบ้านของข้า หากท่านเลือกที่จะเป็นกำแพงปกป้องแผ่นดิน ข้าก็จะเป็นปูนที่คอยประสานรอยร้าวให้ท่าน… เราเกิดมาคู่กัน ก็ย่อมต้องตายเคียงกัน”

ความจริงแล้ว ด้วยวรยุทธ์ระดับปรมาจารย์ของทั้งคู่ หากคิดจะหนีเอาตัวรอด ฝ่าวงล้อมออกไปย่อมทำได้ง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ แต่พวกเขารู้ดีว่า หากผู้นำหนี ขวัญกำลังใจทหารจะแตกซ่าน และราษฎรนับหมื่นจะต้องถูกสังหาร

รุ่งสางมาเยือน… ข้าศึกระดมยิงหินไฟและบุกเข้าตีระลอกสุดท้าย ประตูกำแพงเมืองกำลังจะพังทลาย ก๊วยเจ๋งชักกระบี่ออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ใช่เพื่อชัยชนะ แต่เพื่อศักดิ์ศรี

“ชีวิตคนเราย่อมต้องตาย แต่ชื่อเสียงและคุณธรรมจะคงอยู่ตลอดไป… ย้งยี้ วันนี้เราจะได้พักผ่อนเสียที”

อึ้งย้งหยิบไม้เท้าตีสุนัขคู่ใจมายืนเคียงข้างไหล่ชนไหล่ “ข้าจะอยู่กับท่าน… จนลมหายใจสุดท้าย”

ในวาระสุดท้ายท่ามกลางเปลวเพลิงแห่งสงคราม ไม่มีใครเห็นน้ำตาของทั้งคู่ มีเพียงภาพของชายหญิงชราสองคนที่ยืนหยัดต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ปกป้องเมืองเซียงหยางจนวินาทีสุดท้าย…

เมื่อเมืองเซียงหยางแตก… “ก๊วยเจ๋งและอึ้งย้ง พลีชีพพร้อมเมือง”

เป็นการปิดฉากตำนานมังกรหยกคู่แรกอย่างสมบูรณ์ พวกเขาไม่ได้จากไปอย่างผู้พ่ายแพ้ แต่จากไปในฐานะตำนานที่สลักลึกในหัวใจชาวยุทธ์ ว่าครั้งหนึ่ง… โลกนี้เคยมีวีรบุรุษที่ซื่อสัตย์ที่สุด และสตรีที่ฉลาดปราดเปรื่องที่สุด รักและตายเคียงคู่กันเพื่อแผ่นดิน